ข้อมูลส่วนตัวและการทำธุรกรรมออนไลน์กลายเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวัน การรักษาความปลอดภัยของบัญชีผู้ใช้จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม หลายคนอาจเคยได้ยินคำว่า Two Factor Authentication (2FA) และ OTP แต่ยังสงสัยว่าทั้งสองอย่างนี้คืออะไร เหมือนหรือต่างกันอย่างไร วันนี้ deeSMSX เราจะมาไขข้อข้องใจ อธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ พร้อมชี้ให้เห็นถึงความสำคัญในการปกป้องข้อมูลของคุณ
Two Factor Authentication (2FA) คืออะไร
Two Factor Authentication หรือ 2FA คือ ระบบยืนยันตัวตนที่ต้องใช้ปัจจัยยืนยันตัวตนสองชนิดที่แตกต่างกัน เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการเข้าถึงข้อมูลหรือบริการ โดยปัจจัยเหล่านี้แบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่ สิ่งที่คุณรู้ สิ่งที่คุณมี และสิ่งที่คุณเป็น การใช้ Two Factor Authentication ช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกขโมยรหัสผ่าน
ประโยชน์ในการใช้งาน 2FA
- เพิ่มความปลอดภัย : Two Factor Authentication สร้างชั้นความปลอดภัยเพิ่มเติม แม้รหัสผ่านถูกขโมยไป ผู้ไม่ประสงค์ดีก็ยังเข้าถึงบัญชีไม่ได้หากไม่มีปัจจัยที่สอง
- ลดความเสี่ยงจากการโจมตีทางไซเบอร์ : Two Factor Authentication ช่วยป้องกันการโจมตีแบบ Credential Stuffing และ Phishing ที่มักใช้รหัสผ่านที่รั่วไหลจากเว็บไซต์อื่น
- ป้องกันการเข้าถึงจากอุปกรณ์ไม่พึงประสงค์ : Two Factor Authentication ช่วยตรวจสอบอุปกรณ์ที่ใช้เข้าสู่ระบบ ทำให้สามารถจำกัดการเข้าถึงจากอุปกรณ์แปลกปลอมได้
- รองรับการทำงานจากระยะไกล : ด้วย Two Factor Authentication องค์กรสามารถอนุญาตให้พนักงานเข้าถึงระบบจากภายนอกได้อย่างปลอดภัย
- สอดคล้องกับมาตรฐานความปลอดภัย : การใช้ Two Factor Authentication ช่วยให้องค์กรปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ของหน่วยงานกำกับดูแล
ตัวอย่างการประยุกต์ใช้ 2FA
- ธนาคารและสถาบันการเงิน : ใช้ Two Factor Authentication ในการยืนยันตัวตนก่อนทำธุรกรรมออนไลน์ เช่น การโอนเงิน หรือการชำระบิล
- อีคอมเมิร์ซ – แพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์ใช้ Two Factor Authentication เพื่อยืนยันตัวตนก่อนการชำระเงิน โดยเฉพาะการซื้อสินค้ามูลค่าสูง
- บริการคลาวด์ : ผู้ให้บริการคลาวด์ใช้ Two Factor Authentication เพื่อป้องกันการเข้าถึงข้อมูลสำคัญโดยไม่ได้รับอนุญาต
- ระบบเครือข่ายองค์กร : บริษัทใช้ Two Factor Authentication ในการเข้าถึง VPN หรือระบบภายในองค์กร
- แอปพลิเคชันโซเชียลมีเดีย : เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ อินสตาแกรม ใช้ Two Factor Authentication เพื่อป้องกันการเข้าถึงบัญชีผู้ใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต
OTP (One-Time Password) คืออะไร

OTP หรือ One-Time Password คือ รหัสผ่านใช้ครั้งเดียวที่มีอายุการใช้งานจำกัด สร้างขึ้นโดยอัลกอริทึมเฉพาะ ซึ่งจะหมดอายุหลังจากใช้งานหรือหลังจากระยะเวลาที่กำหนด OTP มักถูกส่งผ่าน SMS หรือสร้างขึ้นโดยแอปพลิเคชัน เช่น Google Authenticator เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการยืนยันตัวตน
ประโยชน์ในการใช้งาน OTP
- ป้องกันการใช้รหัสผ่านซ้ำ : OTP ใช้ได้เพียงครั้งเดียวและมีอายุจำกัด จึงไม่สามารถนำไปใช้ซ้ำได้แม้ถูกดักจับ
- เพิ่มความปลอดภัยในการทำธุรกรรม : OTP ช่วยยืนยันว่าผู้ใช้งานเป็นเจ้าของบัญชีจริงก่อนทำธุรกรรมสำคัญ
- ลดความเสี่ยงจากการโจมตีแบบ Replay Attack : เนื่องจาก OTP ใช้ได้ครั้งเดียว จึงป้องกันการดักจับรหัสผ่านและนำมาใช้ใหม่
- ใช้งานง่าย : ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องจดจำ OTP เนื่องจากจะได้รับเมื่อต้องการใช้งาน
- ยืดหยุ่นในการส่งมอบ : OTP สามารถส่งผ่านหลายช่องทาง เช่น SMS, อีเมล หรือแอปพลิเคชันมือถือ
ตัวอย่างการประยุกต์ใช้ OTP
- การยืนยันการชำระเงินออนไลน์ : ธนาคารส่ง OTP เพื่อยืนยันการชำระเงินผ่านบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต
- การเข้าสู่ระบบครั้งแรกหรือจากอุปกรณ์ใหม่ : เว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันส่ง OTP เมื่อมีการเข้าสู่ระบบจากอุปกรณ์ที่ไม่เคยใช้มาก่อน
- การรีเซ็ตรหัสผ่าน : ระบบส่ง OTP เพื่อยืนยันตัวตนก่อนอนุญาตให้รีเซ็ตรหัสผ่าน
- การยืนยันการเปลี่ยนแปลงข้อมูลสำคัญ : ใช้ OTP ยืนยันการเปลี่ยนอีเมล เบอร์โทรศัพท์ หรือข้อมูลส่วนตัวอื่น ๆ
- การลงนามเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ : ใช้ OTP ในการยืนยันตัวตนผู้ลงนามในเอกสารอิเล็กทรอนิกส์
2FA กับ OTP แตกต่างกันในการใช้งานไหม

Two Factor Authentication และ OTP มีความเกี่ยวข้องกันแต่ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน หลายคนมักเข้าใจผิดว่าทั้งสองอย่างเหมือนกัน แต่ความจริงแล้ว OTP เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่อาจนำมาใช้ใน Two Factor Authentication เท่านั้น ความแตกต่างของทั้งสอง มีดังนี้
2FA คือ “วิธีป้องกัน” OTP คือ “รหัสผ่านพิเศษ”
Two Factor Authentication เป็นกระบวนการยืนยันตัวตนที่ต้องใช้ปัจจัยสองชนิดที่แตกต่างกัน โดยเน้นไปที่วิธีการและกระบวนการ ในขณะที่ OTP เป็นเพียงรหัสผ่านชั่วคราวที่ใช้ครั้งเดียว ซึ่งเป็นเครื่องมือหนึ่งที่สามารถนำมาใช้เป็นปัจจัยในการยืนยันตัวตน Two Factor Authentication จึงเป็นระบบการป้องกันที่ครอบคลุมกว้างกว่า
OTP มักเป็นส่วนหนึ่งของระบบ 2FA
OTP มักถูกใช้เป็นปัจจัยที่สองในระบบ Two Factor Authentication ในลักษณะ เช่น เมื่อคุณกรอกรหัสผ่านแล้วระบบจะส่ง OTP ไปที่โทรศัพท์ของคุณเพื่อยืนยันตัวตนอีกชั้นหนึ่ง อย่างไรก็ตาม Two Factor Authentication ไม่จำเป็นต้องใช้ OTP เสมอไป อาจใช้ลายนิ้วมือ หรือ Hardware Token อื่น ๆ เป็นปัจจัยที่สองในการยืนยันตัวตนก็ได้
ข้อควรระวังจากการใช้งาน Two Factor Authentication และ OTP
แม้ Two Factor Authentication และ OTP จะช่วยเพิ่มความปลอดภัย แต่ผู้ใช้ควรระวังภัยคุกคามเหล่านี้
- เว็บไซต์หลอกลวง : ระวังเว็บไซต์ปลอมที่พยายามหลอกให้กรอกรหัส OTP ตรวจสอบ URL ก่อนกรอกข้อมูลเสมอ
- การขโมย SIM : ผู้ไม่หวังดีอาจแอบอ้างเป็นคุณเพื่อขอ SIM ใหม่จากผู้ให้บริการเครือข่าย แล้วรับ OTP แทนคุณ
- การหลอกด้วยการโทร : ระวังสายโทรศัพท์ที่อ้างว่ามาจากธนาคารหรือหน่วยงานราชการ แล้วขอให้บอกรหัส OTP
- การดักจับข้อมูล : SMS ที่ใช้ส่ง OTP อาจถูกดักจับได้ แนะนำให้ใช้แอปพลิเคชัน Authenticator แทนเพื่อความปลอดภัยที่สูงขึ้น
- อย่าบอกรหัส OTP กับใคร : ไม่ว่าผู้ติดต่อจะอ้างว่าเป็นใคร อย่าเปิดเผยรหัส OTP โดยเด็ดขาด
จะเห็นได้ว่า Two Factor Authentication เป็นระบบยืนยันตัวตนที่ใช้ปัจจัยสองชนิดที่แตกต่างกัน ในขณะที่ OTP เป็นเพียงรหัสผ่านชั่วคราวที่ใช้ครั้งเดียว ซึ่งมักถูกนำมาใช้เป็นส่วนหนึ่งของ Two Factor Authentication ทั้งสองระบบช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการเข้าถึงข้อมูล และลดความเสี่ยงจากการถูกโจมตีทางไซเบอร์ หากคุณกำลังมองหาระบบ SMS API สำหรับใช้งาน OTP ที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัย deeSMSX พร้อมให้บริการและคำปรึกษาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการทางธุรกิจของคุณ ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม 02-095-5168 Line @deecom หรือ เฟซบุ๊ก deeSMSX