Whitelist คืออะไร ทำไมถึงสำคัญในการส่ง SMS ให้ถึงปลายทาง

by | 16 Apr 2025 | General

การส่งข้อความ SMS ถือเป็นช่องทางการสื่อสารที่ยังคงมีความสำคัญอย่างมากสำหรับธุรกิจในยุคดิจิทัล แต่ปัญหาหนึ่งที่หลายองค์กรต้องเผชิญคือ ข้อความไม่สามารถส่งถึงผู้รับปลายทางได้ สาเหตุสำคัญมาจากระบบป้องกันสแปมของเครือข่ายมือถือ Whitelist จึงเป็นทางออกที่ช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างตรงจุด วันนี้ deeSMSX จะมาอธิบายให้เข้าใจกันว่า การขอ Whitelist คืออะไร 

Whitelist คืออะไรในการส่งข้อความ SMS

Whitelist คือ การขออนุมัติจากเครือข่ายโทรศัพท์มือถือให้ SMS ที่ส่งจาก Sender Name หรือชื่อผู้ส่งของคุณ สามารถเข้าถึงผู้รับที่เคยแจ้งไว้ว่าไม่ต้องการรับข้อความได้ กล่าวอีกนัยหนึ่ง Whitelist คือรายชื่อผู้ส่งที่ได้รับการยอมรับและเชื่อถือจากเครือข่ายว่าไม่ใช่ผู้ส่งสแปม จึงได้รับสิทธิพิเศษในการส่งข้อความถึงผู้รับได้มากกว่าปกติ

ทำไมต้องขอ Whitelist ก่อนส่ง SMS

จากสถิติพบว่า มากกว่า 70% ของ SMS ที่ไม่สามารถส่งถึงผู้รับได้นั้น มีสาเหตุมาจากการที่ผู้รับปลายทางเคยแจ้งให้เครือข่ายทราบว่าไม่ต้องการรับข้อความโฆษณาหรือข้อความรบกวน (Spam) ซึ่งส่งผลให้ข้อความของคุณถูกจัดอยู่ในกลุ่ม “Anti-Spam” และไม่สามารถส่งถึงผู้รับได้

Whitelist ทำงานอย่างไร ทำไมช่วยให้ดูไม่เป็นสแปม

Whitelist ทำงานอย่างไร ทำไมช่วยให้ดูไม่เป็นสแปม

ขั้นตอนการทำงานของ Whitelist เกี่ยวข้องกับการที่เว็บส่ง SMS ต้องไปขออนุมัติจากเครือข่ายโทรศัพท์มือถือแต่ละเครือข่าย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ SMS ที่ส่งจาก Sender Name ของคุณสามารถเข้าถึงผู้รับที่เคยแจ้งไว้ว่าไม่ต้องการรับข้อความได้

เมื่อธุรกิจได้รับการอนุมัติให้อยู่ใน Whitelist แล้ว ระบบของเครือข่ายจะจดจำ Sender Name หรือหมายเลขที่ใช้ในการส่งข้อความ ทำให้ข้อความที่ส่งออกไปไม่ถูกจัดเป็นสแปมโดยอัตโนมัติ แม้ว่าจะส่งไปยังเบอร์โทรศัพท์ที่เคยแจ้งไม่รับข้อความรบกวน

ข้อดีของการขอ Whitelist สำหรับธุรกิจ

การขอ Whitelist มีข้อดีที่สำคัญหลายอย่างสำหรับธุรกิจที่ใช้ SMS เป็นช่องทางในการสื่อสารกับลูกค้า ซึ่งจะช่วยเพิ่มผลลัพธ์ของแคมเปญ SMS Marketing ได้อย่างมีนัยสำคัญ

1. ผ่านการรับรองเบื้องต้นจากเครือข่าย

เมื่อธุรกิจได้รับการอนุมัติให้อยู่ใน Whitelist แล้ว แสดงว่าได้ผ่านการตรวจสอบและรับรองจากเครือข่ายโทรศัพท์มือถือแล้วว่าเป็นผู้ส่งที่น่าเชื่อถือ ไม่ใช่ผู้ส่งสแปม ซึ่งจะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ของคุณ

2. ลดปัญหา Anti-Spam

Whitelist คือวิธีการแก้ปัญหา Anti-Spam ที่มีประสิทธิภาพ เพราะช่วยให้ข้อความของคุณไม่ถูกจัดเป็นสแปมโดยอัตโนมัติ แม้ว่าจะส่งไปยังเบอร์โทรศัพท์ที่เคยแจ้งไม่รับข้อความรบกวน ทำให้อัตราการส่งข้อความสำเร็จเพิ่มสูงขึ้น

3. เพิ่มโอกาสในการส่งถึงผู้รับ

การขอ Whitelist ช่วยเพิ่มโอกาสในการส่งข้อความถึงผู้รับได้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่เป็นข้อความสำคัญ ทำให้ธุรกิจสามารถสื่อสารกับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

4. ใช้ระยะเวลาไม่นานในการขอ Whitelist

การขอ Whitelist ใช้เวลาไม่นาน ประมาณ 1-3 วันทำการ แต่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการส่ง SMS ได้ในระยะยาว ทำให้คุ้มค่ากับการลงทุนเวลาในการดำเนินการ

ข้อจำกัดของ Whitelist ที่ควรรู้

แม้ว่า Whitelist จะมีข้อดีหลายอย่าง แต่ก็มีข้อจำกัดบางอย่างที่ธุรกิจควรรับทราบก่อนตัดสินใจขอ Whitelist

1. ไม่ครอบคลุมการส่งข้อความประเภทโฆษณาและการตลาด

Whitelist คือการขออนุญาตสำหรับการส่งข้อความที่ไม่ใช่โฆษณาหรือการตลาด เช่น ข้อความแจ้งเตือน ข้อความยืนยันตัวตน หรือข้อความแจ้งข้อมูลสำคัญ หากธุรกิจต้องการส่งข้อความประเภทโฆษณาหรือการตลาด จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง

2. ต้องผ่านการอนุมัติจากเครือข่าย

การขอ Whitelist ไม่ได้หมายความว่าจะได้รับการอนุมัติทุกครั้ง ธุรกิจจะต้องผ่านการตรวจสอบและประเมินจากเครือข่ายก่อน จึงจะได้รับอนุญาตให้อยู่ใน Whitelist ซึ่งอาจใช้เวลาและมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

3. ต้องรักษามาตรฐานการส่งข้อความ

แม้ว่าธุรกิจจะได้รับการอนุมัติให้อยู่ใน Whitelist แล้ว แต่ก็ยังต้องรักษามาตรฐานการส่งข้อความให้อยู่ในเกณฑ์ที่เครือข่ายกำหนด หากมีการส่งข้อความที่เข้าข่ายเป็นสแปมหรือรบกวนผู้รับ อาจถูกถอดออกจาก Whitelist ได้

ขั้นตอนการขอ Whitelist เพื่อให้ SMS ถึงแน่นอน

ขั้นตอนการขอ Whitelist เพื่อให้ SMS ถึงแน่นอน

หากธุรกิจต้องการขอ Whitelist เพื่อเพิ่มโอกาสในการส่ง SMS ให้ถึงผู้รับมากขึ้น สามารถทำตามขั้นตอนง่าย ๆ 4 ขั้นตอนนี้ได้เลย

1. ซื้อแพ็กเกจ SMS ที่รองรับการขอ Whitelist

ขั้นตอนแรก ธุรกิจจะต้องเลือกซื้อแพ็กเกจ SMS ที่รองรับการขอ Whitelist จากผู้ให้บริการที่น่าเชื่อถือ พร้อมทั้งเริ่มต้นใช้งานและยืนยันตัวตนให้เรียบร้อย รวมถึงขอ Sender Name ที่ต้องการใช้ในการส่งข้อความ

2. กรอกแบบฟอร์ม Request

หลังจากซื้อแพ็กเกจแล้ว ธุรกิจจะต้องกรอกแบบฟอร์ม Request เพื่อขอ Whitelist โดยระบุรายละเอียดต่างๆ ตามที่ผู้ให้บริการกำหนด เช่น ชื่อธุรกิจ Sender Name ที่ต้องการใช้ ประเภทของข้อความที่จะส่ง เป็นต้น จากนั้นจะได้รับ Link สำหรับการขอ Whitelist ผ่านทางอีเมล

3. ระหว่างดำเนินการ

หลังจากส่งแบบฟอร์มแล้ว ผู้ให้บริการจะดำเนินการพิจารณาข้อมูลที่ธุรกิจยื่นเรื่องเข้ามา ซึ่งจะใช้ระยะเวลาประมาณ 1-3 วันทำการ ในระหว่างนี้ ธุรกิจอาจถูกขอข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อประกอบการพิจารณา

4. แจ้งอนุมัติใช้งาน

เมื่อการพิจารณาเสร็จสิ้นและได้รับการอนุมัติแล้ว ผู้ให้บริการจะแจ้งให้ธุรกิจทราบผ่านทางอีเมลหรือช่องทางที่ระบุไว้ในแบบฟอร์ม จากนั้นธุรกิจสามารถเริ่มต้นใช้งาน Whitelist ได้ทันที โดยข้อความที่ส่งออกไปจะมีโอกาสเข้าถึงผู้รับได้มากขึ้นและทั้งหมดนี้ ก็เป็นสาเหตุที่ว่าทำไมการขอ Whitelist คือสิ่งที่สำคัญ โดยเฉพาะธุรกิจที่ต้องการส่งข้อความให้ถึงลูกค้ามากที่สุด หากคุณกำลังมองหาผู้ให้บริการส่ง SMS ที่มีประสิทธิภาพ deeSMSX พร้อมให้บริการ SMS Marketing อย่างครบวงจร ในราคาที่ถูกที่สุดในไทย เริ่มต้นที่ 0.15 บาท / ข้อความ ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม 02-095-5168 Line @deecom หรือ เฟซบุ๊ก deeSMSX

อยากเสริมธุรกิจของคุณให้เติบโต

เลือกบริการ SMS กับ deeSMSX เลย ตอนนี้!

Share This